การรักษาสิวบนใบหน้า ของ คุณแม่ตั้งครรภ์ ต้องระวังอันตราย !!

ในช่วง ตั้งครรภ์ นอกจากขนาดของร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว บางทีคุณแม่บางท่านก็ยังมีปัญหาเรื่องผิวพรรณ อย่าง สิว ฝ้า ตามมาอีกอย่างสองอย่าง ทำให้เกิดความเครียด และความหงุดหงิดรำคาญใจเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน

ในช่วงนี้ร่างกายจะมีระดับฮอร์โมนที่แปรผันเป็นอย่างมากเกิดจากการเตรียมสภาพความพร้อมด้วยกลไกธรรมชาติ ที่ทำให้ร่างกายมีการหลั่งสารและผลิตฮอร์โมนต่างๆ ขึ้นมา ฮอร์โมนบางชนิดก็มีกระทบในเรื่องเกี่ยวกับผิวพรรณ เช่น ฮอร์โมนเอสโตรเจน ที่ทำให้เกิดการขับน้ำมันออกมาที่รูขุมขนเพิ่มมากกว่าปกติ เมื่อมีน้ำมันออกมามาก หากผิวหน้ามีสิ่งสกปรก ก็ทำให้เกิดอาการอุดตันของรูขุมขนได้ง่าย บวกกับช่วงนี้ร่างกายของคุณแม่จะมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติด้วยการทำงานของต่อมไทรอยด์ที่เร่งเผาผลาญพลังงานไปเพื่อเสริมสร้างเนื้อเยื่อในร่างกายให้กับทั้งคุณแม่และลูกน้อย ทำให้ร่างกายต้องเร่งระบายความร้อนออก เป็นที่มาของอาการขี้ร้อนและเหงื่อออกมา นี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าสกปรกและเกิดการอุดตันอักเสบขึ้น ยังไม่นับเรื่องความเครียดและอาการนอนไม่หลับ ที่ล้วนแต่ส่งผลต่อการเกิดสิวได้ทั้งสิ้น

แน่นอนเมื่อเกิดอาการสิวผุดขึ้นบนในหน้า บรรดาคุณแม่สาวๆ ทั้งหลายย่อมเกิดความไม่สบายเพิ่มเป็นทวีคูณ ย่อมหาวิธีงัดเอาไม้เด็ดต่างๆ ที่เคยใช้ได้ผลระดมมาจัดการกับเจ้าสิวที่บังอาจมารุกรานใบหน้า แต่... การรักษาสิวในช่วงนี้ ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะมียาและวิธีการรักษาสิวหลายประเภทที่ส่งผลเสียต่อผู้ที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ เช่น

1.ยารักษาสิวที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ หรือที่เรียกว่ายากลุ่ม เรตินอย จากการศึกษาพบว่ายาประเภทนี้ส่งผลอันตรายต่อทารกในครรภ์ ในด้านพัฒนาการของสมอง และแม้แต่คุณแม่ในช่วงให้นมก็ไม่ควรใช้ยาในกลุ่มนี้เพราะส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมองของทารกได้

2.ยารักษาสิวที่เป็นยาปฏิชีวนะ มีอันตรายมากต่อทารก ถึงขั้นเกิดการเสียชีวิตได้เลยทีเดียว !

3.  ยารักษาสิวที่เป็นกลุ่มฮอร์โมน เช่น Cyproterone Acetate หรือ Spironolactone ที่อาจทำให้ทารกที่เป็นเพศชายมีพัฒนาการผิดปกติ อันตรายถึงขนาดมีคำแนะนำว่าในช่วงใช้ยาประเภทนี้ ควรเป็นช่วงที่คุมกำเนิดอยู่ !

นี่เป็นยารักษาสิว 3 ประเภท ที่เป็นอันตรายต่อทารก ที่ คุณแม่ตั้งครรภ์ ต้องระวังให้ดี เลี่ยงใช้งานยาในกลุ่มดังกล่าว และก่อนการซื้อยาควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย