เปิดเพลงให้ลูกในท้องฟัง คุณแม่ต้องผ่อนคลาย

“ฟังแล้วไม่รู้เรื่อง” หรือ “ฟังแล้วไม่เข้าใจ” หรือ “มันสูงเกินไป...” เป็นเรื่องที่เราๆ ได้ยินกันอยู่บ่อยๆ เวลาที่มีการแนะนำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ ฟังเพลงโมสาร์ทสำหรับคนท้อง แต่ส่วนใหญ่ถึงจะบ่น แต่ก็ยินยอมที่จะเปิดเพลงเหล่านี้ฟังกันในยามท้อง ซึ่งเจตนาก็เพื่อหวังจะใช้ดนตรีไปช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองให้กับลูกน้อยในท้อง

ให้มีความเฉลียวฉลาด ไม่น้อยหน้าเด็กอื่นๆ ซึ่ง คุณแม่บางคนก็ยอมรับว่าฟังแล้วรู้สึกเครียดอยู่บ้าง เพราะไม่คุ้นเคย (โดยเฉพาะคุณแม่ที่เริ่มฟังดนตรีประเภทนี้ใหม่ๆ) ซึ่งเราอยากจะบอกว่าหากเป็นแบบนั้นมันจะได้ผลไม่เต็มที่ ไม่สามารถส่งผลดีได้ตามที่เราต้องการหรือมุ่งหวัง เพราะการฟังดนตรีนั้น ไม่ใช่เรื่องทำนองพิธีกรรมที่เปิดๆ ฟังไปแล้วช่วยกระตุ้นลูกได้ แต่มันเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน และเกี่ยวเนื่องกันไปหมดทั้งคุณแม่และลูกน้อย...

การฟังดนตรีแล้วไม่เข้าใจทำให้เกิดความเครียด เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่... หากคุณแม่ฟังแล้วรู้สึกไม่ดี มันเป็นเรื่องที่ผิดจากที่ควรจะเป็น คุณแม่อาจจะยังสับสนในเรื่องการฟังดนตรีแนวนี้ เพราะการฟังดนตรีไม่จำเป็นเลยที่จะต้องเข้าความหมาย มันไม่ใช่สมการทางคณิตศาสตร์ หรือเรื่องฟิสิกส์ ที่จำเป็นจะต้องเข้าใจ ดนตรีเป็นแขนงหนึ่งของศิลปะ ซึ่งเป็นการสื่อสารในเรื่องอารมณ์และความรู้สึก

การที่คุณแม่ฟังไปแล้วเค้นสมองตามเพื่อหาทางเข้าใจจึงเป็นเรื่องที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อน ! ดนตรีไม่ต่างจากความสวยความงาม หรือความชอบ ความพอใจ ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับเหตุผลมันเป็นอารมณ์และความรู้สึก เพลงบรรเลงสำหรับคนท้อง เป็นการใช้เสียงดนตรีไปสร้างความรู้สึกและการรับรู้เพื่อให้เส้นใยโครงข่ายในสมองของทารกทำงานประสานกันได้ดีขึ้น มันจะมีผลดีก็เกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึกของคุณแม่ด้วยเช่นกัน

เวลาที่คุณแม่เครียดร่างกายของคุณแม่ก็จะหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมา และระบบการทำงานตั้งแต่การเต้นของหัวใจไปจนถึงกระเพาะอาหารและลำไส้ก็ผิดจากธรรมชาติ แน่นอนว่าแบบนั้นส่งผลทางลบมากกว่าด้านบวกและแน่นอนว่าผลนั้นส่งต่อไปยังทารกด้วย

ดังนั้นการ เปิดเพลงให้ลูกในท้องฟัง คุณแม่ต้องผ่อนคลาย ไม่ต้องไปใส่ใจในเรื่องความหมาย ทำใจให้สบาย ปล่อยอารมณ์ไปตามเสียงดนตรี แล้วคุณแม่จะค่อยๆ ชินและเพลิดเพลินได้ในที่สุด และนั่นจึงจะส่งผลดีและมีประสิทธิภาพในทางบวกกับพัฒนาการของลูกน้อย