ช่วงเวลาที่อากาศเปลี่ยนแปลง เป็นช่วงเวลาที่คนเราเจ็บป่วยกันได้ง่าย เนื่องจากปรับตัวไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ อาการที่มักพบกันบ่อยในการป่วยลักษณะนี้ส่วนใหญ่ก็คือ เกิดอาการเป็นหวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล อ่อนเพลีย และอาจมีอาการไข้ หรือไอร่วมด้วย เป็นการแสดงออกว่าร่างกายไม่แข็งแรง ภูมิต้านทานในร่างกายทำงานหย่อนประสิทธิภาพลง ทำให้เกิดอาการป่วยได้ง่าย อาการเหล่านี้หากเกิดกับ แม่ตั้งครรภ์ อาจจะทำให้คุณแม่หรือคนรอบข้างเกิดความวิตกกังวลว่าทารกในครรภ์จะได้รับกระกระทบอะไรที่เป็นอันตรายด้วยหรือไม่
อาการหวัดสำหรับคุณแม่ในช่วงมีครรภ์นี้ แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. 1. อาการหวัดธรรมดา ซึ่งโดยทั่วไป อาการแบบนี้ไม่สงผลกระทบอะไรต่อลูกน้อย แต่คุณแม่อาจจะมีอาการอ่อนเพลียคัดจมูก มีอาการไอ หรือไข้ต่ำๆ บ้าง หากไม่มีอาการแทรกซ้อน โรคหวัดแบบนี้จะหายไปเองภายในเวลา 1 สัปดาห์ และมักไม่กระทบต่อทารกในครรภ์ แต่มันเป็นการเตือนให้ทราบว่าคุณแม่ต้องการการพักผ่อนเพิ่มมากขึ้น เพราะอาการหวัดจะมาเยือนเมื่อร่างกายของเราไม่แข็งแรงทำให้ภูมิต้านทานอ่อนแอ
2. 2. อาการไข้หวัดใหญ่ เป็นอาการที่หนักกว่าหวัดธรรมดามาก มีอาการปวดหัวตัวร้อน อ่อนเพลีย ไอ จาม หนาวสั่น ปวดเมื่อยทั่วร่างกายและทำให้เกิดอาการเบื่ออาหาร อาการไข้หวัดใหญ่นี้ส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์มากกว่าหวัดธรรมดาแน่นอน อย่างน้อยที่สุดก็ในเรื่องการได้รับสารอาหารที่ลดน้อยลง เนื่องจากคุณแม่ทานอาหารไม่ค่อยได้ และร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง และหากคุณแม่มีไข้สูงลูกในครรภ์ก็จะพลอยมีไข้ไปด้วย ซึ่งหากมีไข้สูง ทารกจะมีอัตราการเต้นของหัวใจที่สูงตามไปด้วย หากคุณแม่มีอาการนี้ควรไปพบแพทย์ เพื่อตรวจอาการของลูกด้วย หากพบว่าการเต้นของหัวใจถี่เร็วกว่าปกติ ก็อาจเป็นอันตรายต่อทารกได้ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเป็นปัญหา และในปัจจุบัน มีวัคฉีนป้องกันไข้หวัดใหญ่บางสายพันธุ์ซึ่งคุณแม่จะได้รับคำแนะนำให้ฉีดเมื่อมีการตั้งครรภ์
ส่วนความกลัวในเรื่องทารกจะติดเชื้อไข้หวัดนั้น ไม่ต้องกังวลไป เพราะเชื้อโรคกลุ่มนี้จะไม่สามารถติดเชื้อเข้าไปในครรภ์ได้ ไม่ว่า แม่ตั้งครรภ์เป็นหวัด หรือเป็นไข้หวัดใหญ่ เชื้อก็จะไม่สามารถติดต่อผ่านสายรกเข้าไปหาทารกได้เลย ข้อนี้วงใจได้
หน้าที่เข้าชม | 2,058,180 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,820,797 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 5 ก.ย. 2568 |