แม่ตั้งครรภ์เครียด ส่งผลต่อพัฒนาการของลูก

อาการเครียดที่เกิดขึ้นในขณะที่มีการตั้งครรภ์ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่เรื่องภายในครอบครัว ความไม่ลงรอยหรือไม่เข้าใจกันของสามีภรรยา จนไปถึงความกังวลของคุณแม่ในเรื่องสภาพร่างกายที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลงไปไป รูปร่างที่ขยายใหญ่ขึ้น ปัญหาเรื่องผิวพรรณ กระทั่งอาการแพ้ท้อง และปัญหาทางด้านอารมณ์ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย นอกจากนี้ยังอาจเกิดได้จากเรื่องอื่นๆ อีกหลายอย่าง ยิ่งในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์แรก ยิ่งมีความกังวลใจมากกว่าผู้ที่มีประสบการณ์มาแล้ว เพราะยังไม่เคยมีประสบการณ์รับมือกับความเปลี่ยนแปลงทั้งหลาย แน่นอนว่าความเครียดย่อมส่งผลในแง่ลบต่อผู้ที่ตกอยู่ในภาวะนั้น แต่ในกรณีคุณ แม่ตั้งครรภ์ ผลกระทบไม่เกิดขึ้นแต้เพียงกับคุณแม่คนเดียว แต่ยังสามารถส่งผลถึงลูกน้อยในครรภ์ได้อีกด้วย

มีรายงานการวิจัยพบว่า ในคุณแม่ที่มีความเครียดสูงในขณะตั้งครรภ์ จะส่งผลเสียต่อพัฒนาการของลูกน้อย โดยผลที่แสดงออกที่พบได้มากเป็นเรื่องน้ำหนักตัวและขนาดของทารกที่จะมีน้ำหนักน้อยและมีขนาดร่างกายที่เล็กกว่าทารกปกติ และยังมีปัญหาในเรื่องการคลอดก่อนกำหนดในอัตราที่สูง

และยังมีงานวิจัยอื่นๆ ที่พบว่า ทารกนั้นมีอาการตอบสนองต่อความเครียดของมารดา ตั้งแต่มีอายุครรภ์ได้ไม่กี่วัน เชื่อว่าเกิดการผลของการหลั่งฮอร์โมนความเครียดต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากร่างกายของคุณแม่ ซึ่งจะส่งผลต่อสภาพการตั้งครรภ์ให้มีความผิดปกติ ทารกที่มีคุณแม่ตกอยู่ในภาวะเครียดสูง มักเกิดความผิดปกติทางสภาพจิตใจ มีภาวะทางอารมณ์ที่ไม่มั่นคงเมื่อเติบโตขึ้น และยังมีการตรวจพบว่า ความเครียดของคุณแม่ส่งผลถึงการทำลายเซลล์สมองของทารกได้อีกด้วย แม้จะยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนมากนักแต่ก็สามารถเชื่อได้ว่าส่งผลกระทบแน่นอน และเชื่อว่าผลกระทบนี้จะติดตัวทารกไปแม้ในช่วงหลังคลอดและเติบโตขึ้น เด็กจะมีภาวะอารมณ์ที่แปรปรวน และเสี่ยงต่อการเกิดอาการโรคซึมเศร้า มีพฤติกรรมก้าวร้าว และไม่เข้าสังคม เป็นปัญหาใหญ่ที่พ่อแม่ต้องรับมือเมื่อเด็กโตขึ้น

ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือ คุณแม่ต้องพยายามหาทางผ่อนคลายความเครียด ด้วยการหากิจกรรมต่างๆ ทำเพื่อคลายความเครียดความกังวล และคุณพ่อกับคนรอบข้างมีส่วนมากที่จะสามารถช่วยดูแลในเรื่องนี้ การใส่ใจให้ความรักแก่กันในช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์มีภาวะความเครียดเป็นเรื่องจำเป็น

วิธีการคลายเครียด อาจจะเป็นการออกกำลังกายเบาๆ การเดินเล่น ฟังเพลงสบายๆ หรืออ่านหนัง ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องหาต้นตอของปัญหาที่ทำให้เกิดความเครียดแล้วจักการที่ตรงจุดนั้น ทำใจรับให้ได้ แล้วปัญหาเรื่องความเครียดก็จะลดลง ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า เมื่อ แม่ตั้งครรภ์เครียด จะส่งผลเสียต่อลูกน้อย บรรเทามันลงไปให้ได้มากที่สุด ก็จะเกิดผลดีกับทั้งตัวคุณแม่ และลูกน้อย