ครรภ์ 5 เดือน น้ำหนัก ของลูกน้อยควรเป็นเท่าไหร่ ?

ความกังวลว่าลูกในครรภ์จะตัวเล็ก และไม่สมบูรณ์แข็งแรงเป็นข้อกังวลใจที่คุณแม่คุณพ่อเป็นกันมาก บางครั้งยังไม่ได้มีการตรวจจากแพทย์ แต่คุณแม่พบว่าน้ำหนักของตัวเองไม่ขึ้นก็เกิดความกังวลใจแล้ว โดยเฉพาะช่วง เดือนที่ 5 ซึ่งทารกเริ่มดิ้น และคุณแม่จะเริ่มรู้สึกถึงการดิ้นของลูกในครรภ์อย่างชัดเจน ทำให้ใส่ใจและมีความอยากรู้ความเป็นไปของลูกมากขึ้น บางคนอาจจะรู้สึกกังวลในบางช่วงว่าลูกดิ้นน้อยไปไหม น้ำหนักตัวของคุณแม่ขึ้นไม่มาก หรือไม่ขึ้นเลยลูกจะหนักเท่าไหร่ ? จะแข็งแรงดีหรือไม่ ? อะไรเหล่านี้ล้วนแต่เป็นข้อกังวลใจของคุฯแม่ที่อาจเกิดขึ้นได้ ในช่วง อายุ ครรภ์ 5 เดือน

สำหรับทารกในครรภ์ช่วง 5 เดือน นั้นโดยขนาดที่เป็นเกณฑ์มาตรฐานได้ให้ค่าน้ำหนักเฉลี่ยเพื่อการอ้างอิงเอาไว้ว่า เมื่ออายุครรภ์ 20 สัปดาห์ ทารกจะมีน้ำหนักประมาณ 300 กรัม และมีความยาวราวๆ 16.4 เซนติเมตร แต่ช่วงนี้ทารกจะมีการเติบโตรวดเร็ว เพราะเมื่ออายุครรภ์ได้ 21 สัปดาห์ หรือาทิตย์ต่อมา ทารกจะมีน้ำหนักเพิ่มเป็น 360 กรัม และมีความยาวเพิ่มขึ้นจากเดิมถึงประมาณ 10 เซนติเมตร คือมีความยาวของลำตัวประมาณ 26.7 เซนติเมตร ซึ่งถือว่าเป็นช่วงสัปดาห์ที่มีการพัฒนาเร็วมากช่วงหนึ่ง แต่นี่เป็นเพียงเกณฑ์อ้างอิง ซึ่งเท่าที่พบในปัจจุบัน ซึ่งคุณหมอสามารถตรวจประเมินน้ำหนักของทารกได้ มักพบว่าทารกส่วนมากมีขนาดร่างกายที่เติบโตมากกว่าเกณฑ์มาตรฐานเหล่านี้ อาจจะเป็นด้วยปัจจุบันมีอาหารเสริมสุขภาพ และคุณแม่มีการเอาใจใส่ดูแลครรภ์กันดีมาก จึงทำให้ทารกมีขนาดร่างกายที่ใหญ่กว่าค่าประมาณการ ก็ถือว่าหากไม่ต่ำกว่าค่าประมาณการที่ 300 กรัม ในช่วง ครรภ์ 5 เดือน ก็ถือว่าไม่น่าเป็นห่วง

สำหรับน้ำหนักของคุณแม่ในช่วงเดือนที่ 5 นี้ จะมีอัตราการเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 500 กรัม ต่อสัปดาห์ แต่หากทารกมีการเติบโตเร็วกว่านี้น้ำหนักของคุณแม่ก็จะเพิ่มมากกว่าตามไปด้วย

ดังนั้นเมื่ออายุ ครรภ์ 5 เดือน น้ำหนัก เมื่อไปพบแพทย์แล้วตรวจพบว่าทารกมีน้ำหนักมากกว่า 300 กรัม ขึ้นไปก็สามารถมั่นใจได้ว่าทารกไม่ได้มีขนาดเล็กกว่าปกติ ที่สำคัญอย่ากังวลใจมากนักว่าลูกตัวเล็กกว่าลูกของคนอื่น เพราะบางคนไปตรวจพร้อมกันแล้วสอบถามพบว่าลูกของคนอื่นน้ำหนักเยอะกว่ามาก (บางรายอายุครรภ์ 5 เดือน ทารกหนักถึง 600 กรัมก็เคยมี) ไม่ต้องแข่งกันทำน้ำหนักลูก เพราะขนาดการเติบโตของทารกแต่ละรายไม่เท่ากัน ขอให้ดูเกณฑ์มาตรฐานเป็นหลักไม่ต่ำเกินไป และแพทย์ตรวจแล้วลูกแข็งแรงดีก็เพียงพอแล้ว