รู้จักกับ อาหารสำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวาน

ภาวะอาการโรคเบาหวาน เป็นอาการหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ มี 2 แบบ คือ คุณแม่ที่มีอาการโรคเบาหวานอยู่แล้วกับผู้ที่มาพบว่าเป็นเมื่อตั้งครรภ์ ซึ่งส่วนใหญ่จะพบในช่วงไตรมาสที่ 2 หรือ ไตรมาสที่ 3 หรืออายุครรภ์ประมาณ 20 สัปดาห์ขึ้นไป แม้ว่าจะพบเพียง 2% ของผู้ตั้งครรภ์ทั้งหมด แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องระวัง และหมั่นตรวจสอบอาการ เนื่องจากโดยทั่วไปผู้ที่ไม่มีอาการหรือเคยตรวจพบมาก่อน มักจะไม่รู้ตัวว่าเกิดมีอาการนี้ขึ้นมา จนกว่าจะตรวจพบเนื่องจากมีอาการผิดปกติต่างๆ เกิดขึ้นแล้วแต่อย่าพึ่งวิตกจนเกินไป เมื่อตรวจพบอาการ (ซึ่งหากพบได้เร็วเท่าไรก็เป็นเรื่องดีเท่านั้น) เราก็สามารถวางแผนการดูแลรักษาหากทางบำบัดบรรเทา ได้ทั้งการใช้ยาและ การจัด อาหารสำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการนี้ใหม่ให้มีความเหมาะสม

อาหารที่ควรรับประทานสำหรับคุณแม่ที่มีอาการโรคเบาหวาน คือ

1.      1. ข้างกล้อง หรือข้าวซ้อมมือ เนื่องจากมีกากใยหุ้มอยู่ช่วยชะลอการดูดซึมเอาแป้งไปเปลี่ยนเป็นน้ำตาลให้ช้าลง

2.      2. วุ้นเส้น เนื่องจากมีปริมาณการกลายเป็นน้ำตาลน้อย ย่อยง่าย และนำมาทำเมนูได้หลากหลาย หากชอบทานอาหารประเภทเส้น ให้เปลี่ยนจากเส้นแป้งขัดขาวมาเป็นวุ้นเส้นแทน หรือ... จะเปลี่ยนเป็นเส้นที่ทำจากข้างกล้องบ้างก็ได้

3.      3. ผลไม้ที่มีความหวานน้อย น้ำตาลต่ำ อย่างเช่น ฝรั่ง , แอปเปิล ซึ่งนอกจากจะมีกากใยสูงยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย

4.      4. ผักใบเขียว ที่มีกากใยสูง พวกนี้รับทานได้ไม่มีข้อจำกัด และยังมีอาหารกลุ่มพืชผักบางชนิดที่เป็นสมุนไพรช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีอย่างมะระขี้นก ฟักทอง (ความหวานธรรมชาติจากฟักทองคนเป็นเบาหวานสามารถทานได้) และ แตงกวา สำหรับแตงกว่านี้จะได้ผลดีมากเมื่อคั้นทำเป็นน้ำดื่มตอนท้องว่าง

5.      5. นมสามารถดื่มได้ เพราะมีโปรตีนและแคลเซี่ยมสูง ดีต่อการเสริมสร้างพัฒนาการให้ทารก แต่ต้องเป็นนมที่ไม่มีน้ำตาล และพร่องมันเนย เพื่อไม่เกิดภาวะน้ำหนักตัวสูง หรืออาจดื่มน้ำเต้าหู้บ้างก็ได้ แต่ต้องไม่ใส่น้ำเชื่อม เป็นการเสริมโปรตีนจากพืช

6.      6. ไขมันสามารถรับประทานได้บ้างแต่ต้องเลือกแต่ไขมันที่ดี เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันปลา หรือไขมันจากผลอะโวคาโด งา ซึ่งมีวิตามินสูงและช่วยบำรุงสุขภาพ

นี่เป็นอาหารสำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวานที่สามารถรับประทานได้ แต่ที่สำคัญควรปรึกษาแพทย์และหมั่นตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำใจให้สบาย แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเองเมื่อเราสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้